ลูกนอนน้อยไป ลูกนอนนานไป ลูกไม่ยอมนอน ทำยังไงดี + วิธีฝึกลูกนอนเอง

ฝึกลูกนอน

ลูกนอนน้อยไป ลูกนอนนานไป ลูกไม่ยอมนอน ทำยังไงดี + วิธีฝึกลูกนอนเอง

การนอนของเด็กในแต่ละช่วงวัย

การนอนหลับเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเด็กทุกวัย เพราะช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโต สมองพัฒนา และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน เด็กแต่ละวัยต้องการเวลาการนอนหลับที่แตกต่างกัน ปัญหาการนอนของเด็กที่พบบ่อย อย่าง ลูกไม่ยอมนอน ลูกนอนน้อยไป ลูกนอนนานไป บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจถึงรูปแบบการนอนของเด็กในแต่ละช่วงวัย และวิธีแก้ไข

เด็กควรนอนวันละกี่ชั่วโมง ในแต่ละช่วงอายุ

  • ทารกแรกเกิด – 3 เดือน: 14 – 17 ชั่วโมงต่อวัน
  • 4 – 11 เดือน: 12 – 15 ชั่วโมงต่อวัน
  • 1 – 2 ปี: 11 – 14 ชั่วโมงต่อวัน
  • 3 – 5 ปี: 10 – 13 ชั่วโมงต่อวัน
  • 6 – 13 ปี: 9 – 11 ชั่วโมงต่อวัน
  • 14 – 17 ปี: 8 – 10 ชั่วโมงต่อวัน
  • 18 – 64 ปี: 7 – 9 ชั่วโมงต่อวัน
  • 65 ปีขึ้นไป: 7 – 8 ชั่วโมงต่อวัน

หมายเหตุ: เด็กแต่ละคนมีความต้องการการนอนหลับที่แตกต่างกัน ข้อมูลนี้เป็นเพียงแนวทางคร่าวๆ

วิธีการเลือกที่นอนและหมอนสำหรับลูกน้อย

การนอนหลับเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเจริญเติบโตและพัฒนาการของเด็ก การเลือกที่นอนและหมอนที่เหมาะสมสามารถช่วยให้ลูกน้อยของคุณนอนหลับสบายและปลอดภัยได้

สำหรับเด็กแรกเกิด

  • ที่นอน: ควรเลือกที่นอนที่แน่นและเรียบ ไม่มีสิ่งกีดขวางใดๆ ที่อาจทำให้ทารกหายใจไม่สะดวก ควรเลือกขนาดที่พอดีกับเตียงนอนเพื่อป้องกันไม่ให้ทารกกลิ้งไปมา

สำหรับเด็กวัยคลาน

  • ที่นอน: เด็กวัยคลานอาจเริ่มพลิกตัว ควรเลือกที่นอนที่แน่นและรองรับศีรษะและคอของเด็กได้ดี

สำหรับเด็กเล็ก

  • ที่นอน: เด็กเล็กควรมีที่นอนที่ใหญ่ขึ้น รองรับร่างกายที่กำลังเติบโต
  • หมอน: เด็กเล็กสามารถใช้หมอนที่มีขนาดใหญ่ขึ้น รองรับศีรษะและคอของเด็กได้ดี

คำแนะนำทั่วไป

  • เลือกที่นอนและหมอนที่ทำจากวัสดุที่ระบายอากาศได้ดี
  • ซักผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนเป็นประจำ
  • ตรวจสอบที่นอนและหมอนของเด็กเป็นประจำ หากมีรอยฉีกขาดหรือชำรุดควรเปลี่ยนใหม่

ควรปรึกษาแพทย์หาก

  • ลูกน้อยของคุณมีปัญหาการนอนหลับ
  • ลูกน้อยของคุณมีอาการแพ้
  • ลูกน้อยของคุณมีปัญหาเกี่ยวกับระบบหายใจ

จำเป็นแค่ไหนกับที่นอนป้องกันไรฝุ่นกับเด็กเล็ก

หมอนกันไรฝุ่น หมอนกันภูมิแพ้

การใช้ที่นอนป้องกันไรฝุ่นกับเด็กเล็ก มีความจำเป็น โดยเฉพาะเด็กที่มี

  • ประวัติภูมิแพ้
  • โรคหอบหืด
  • ผื่นผิวหนังอักเสบ

ไรฝุ่น เป็นแมลงขนาดเล็กที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า อาศัยอยู่ในฝุ่น ชอบอุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสม มูลของไรฝุ่นเป็นสารก่อภูมิแพ้

การใช้ที่นอนป้องกันไรฝุ่น จะช่วยลดการสัมผัสกับมูลไรฝุ่น ลดอาการแพ้ และช่วยให้นอนหลับสบาย

อย่างไรก็ตาม การใช้ที่นอนป้องกันไรฝุ่นเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ควรทำความสะอาด ผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ตุ๊กตา เป็นประจำ และควรดูดฝุ่น ทำความสะอาดห้องนอนเป็นประจำเพื่อลดจำนวนไรฝุ่น

เลือกที่นอนและหมอน ClevaFoam® โฟมพิเศษเพื่อลูกน้อย

ClevaFoam® ต่างจากโฟมทั่วไป

  • นอนสบาย ไม่กดทับ: ลดแรงกดทับ 50% ป้องกันหัวแบน ช่วยให้ลูกน้อยนอนหลับสบาย
  • อ่อนโยนต่อผิว: ผ่านการทดสอบ ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ เหมาะกับผิวบอบบางของลูกน้อย
  • คงสมดุลผิว: ค่า pH balanced อ่อนโยนต่อผิว ไม่ทำลายสมดุลตามธรรมชาติ
  • ปลอดภัย ไร้สารพิษ: ปราศจากสารเคมีอันตราย มั่นใจได้ว่าปลอดภัย

ปัญหาการนอนของเด็กมีอะไรบ้าง พร้อมวิธีแก้ไข

ปัญหาการนอนของเด็ก
  • ลูกไม่ยอมนอน ลูกนอนหลับยาก: อาจเกิดจากความเครียด กังวล สภาพแวดล้อมไม่เอื้ออำนวย หรือความหิว วิธีแก้ไขคือ ปรับบรรยากาศห้องนอนให้มืด เงียบ สบาย อุณหภูมิเหมาะสม กำหนดกิจวัตรก่อนนอนให้ชัดเจน เช่น อาบน้ำ อ่านหนังสือ เล่านิทาน ให้ลูกรู้สึกผ่อนคลาย หลีกเลี่ยงอาหารมื้อหนักก่อนนอน
  • ลูกนอนน้อย ลูกนอนหลับไม่เต็มอิ่ม: เด็กอาจตื่นกลางดึกบ่อย ร้องไห้งอแง สาเหตุอาจมาจากความอึดอัด ผ้าอ้อมเปียก อุณหภูมิห้องไม่เหมาะสม หรือความหิว วิธีแก้ไขคือ ตรวจสอบความสบายตัวของลูก เปลี่ยนผ้าอ้อม ปรับอุณหภูมิห้อง ให้ลูกกินนมก่อนนอน
  • ลูกนอนกรน: เด็กบางคนอาจมีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษา
  • ลูกฝันร้าย: เด็กอาจตื่นกลางดึกด้วยความกลัว ร้องไห้ กังวล วิธีแก้ไขคือ ปลอบโยนลูก พูดคุย ถามไถ่เรื่องราว ฟังอย่างตั้งใจ ให้ลูกมั่นใจว่าปลอดภัย

ลูกไม่ยอมนอน เพราะอะไร แก้ไขยังไง

สาเหตุที่ลูกไม่ยอมนอน:

  • ยังไม่ง่วง: เด็กบางคนอาจยังไม่รู้สึกเหนื่อย ง่วงนอน วิธีแก้ไขคือ พาลูกทำกิจกรรมที่ช่วยให้รู้สึกเหนื่อย เช่น เล่นกลางแจ้ง ออกกำลังกาย
  • มีสิ่งรบกวน: เช่น แสงสว่าง เสียงรบกวน อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ วิธีแก้ไขคือ ปรับบรรยากาศห้องนอนให้มืด เงียบ ปิดไฟ เก็บอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
  • ไม่สบายตัว: เช่น อึดอัด ร้อน เหงื่อออก ผ้าอ้อมเปียก วิธีแก้ไขคือ ตรวจสอบความสบายตัวของลูก เปลี่ยนผ้าอ้อม ปรับอุณหภูมิห้อง
  • กลัวการนอน: เด็กบางคนอาจกลัวความมืด กลัวการอยู่คนเดียว วิธีแก้ไขคือ อยู่เป็นเพื่อนลูกจนกว่าจะหลับ กล่อมนอน เล่านิทาน ร้องเพลง
  • หิว: ทารกอาจร้องไห้เพราะหิว ต้องการกินนม
ลูกไม่ยอมนอน

วิธีแก้ไข เมื่อลูกไม่ยอมนอน:

  • สังเกตสัญญาณง่วงของลูก: เช่น หาว ขยี้ตา งอแง
  • สร้างกิจวัตรก่อนนอน: เช่น อาบน้ำ อ่านหนังสือ เล่านิทาน ร้องเพลง
  • ปรับบรรยากาศห้องนอน: มืด เงียบ อุณหภูมิเหมาะสม
  • กล่อมลูกนอน: อุ้มลูก โยกเบาๆ ตบบกเบาๆ
  • ลองใช้ผ้าห่อตัว: ช่วยให้ลูกรู้สึกอบอุ่น ปลอดภัย
  • ให้ลูกดูดนม: นมแม่หรือนมผง ช่วยให้ลูกรู้สึกผ่อนคลาย
  • ปรึกษาแพทย์: หากลองวิธีต่างๆแล้ว ยังไม่ดีขึ้น

สิ่งสำคัญ:

  • ใจเย็น: การกล่อมลูกนอนอาจต้องใช้เวลา
  • สม่ำเสมอ: ปฏิบัติตามกิจวัตรก่อนนอนอย่างสม่ำเสมอ
  • อดทน: การฝึกลูกนอนอาจต้องใช้เวลา

วิธีทำให้ลูกนอนหลับอย่างมีคุณภาพ

  • กำหนดเวลานอนและตื่นนอนให้สม่ำเสมอ: ช่วยให้ร่างกายเด็กจดจำและปรับตัวเข้ากับเวลานอน
  • สร้างกิจวัตรก่อนนอน: เช่น อาบน้ำ อ่านหนังสือ เล่านิทาน ช่วยให้ลูกรู้สึกผ่อนคลาย
  • ปรับบรรยากาศห้องนอน: มืด เงียบ อุณหภูมิ

วิธีฝึกลูกนอนเอง

ฝึกลูกนอน

1. วิธี Ferber Method

วิธี Ferber เป็นวิธีฝึกลูกนอนเองที่ได้รับความนิยม เป็นการปล่อยให้ลูกร้องไห้เป็นเวลา 3-5 นาทีก่อนเข้าไปปลอบ

วิธีการ:

  1. วางลูกนอนในเปลหรือเตียง
  2. บอกราตรีสวัสดิ์ ปิดไฟ และออกจากห้อง
  3. รอ 3-5 นาทีก่อนเข้าไปปลอบ
  4. ปลอบลูกด้วยวิธีที่อ่อนโยน เช่น ลูบหัว ตบก้นเบาๆ พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
  5. วางลูกนอนลงและออกจากห้อง
  6. ทำซ้ำขั้นตอน 3-5 จนกระทั่ง ลูกหลับ

ข้อดี:

  • เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพ
  • ช่วยให้ลูกนอนหลับเองได้
  • ช่วยให้พ่อแม่มีเวลาพักผ่อนมากขึ้น

ข้อเสีย:

  • ลูกอาจร้องไห้นาน
  • พ่อแม่ต้องใจเย็นและอดทน
ฝึกลูกนอนเอง
Ferber method of sleep training Cr. https://www.whattoexpect.com/first-year/sleep/ferber-method-sleep-training/

2. วิธี Chair Method

วิธี Chair Method เป็นการฝึกลูกนอนเองโดยให้นั่งเก้าอี้ข้างเตียงลูก ค่อยๆ ขยับเก้าอี้ห่างออกไปทีละน้อย

วิธีการ:

  1. วางลูกนอนในเปลหรือเตียง
  2. นั่งเก้าอี้ข้างเตียงลูก
  3. จับมือลูกหรือลูบหัว
  4. เมื่อลูกเริ่มหลับ ค่อยๆ ขยับเก้าอี้ห่างออกไปทีละน้อย
  5. ทำซ้ำขั้นตอน 4 จนกระทั่ง ลูกหลับ

ข้อดี:

  • เป็นวิธีที่อ่อนโยน
  • ช่วยให้ลูกรู้สึกปลอดภัย
  • ช่วยให้ลูกนอนหลับเองได้

ข้อเสีย:

  • อาจใช้เวลานานกว่าวิธีอื่น
  • พ่อแม่ต้องอยู่ใกล้ๆ ลูก

3. วิธี Bedtime Fading

วิธี Bedtime Fading เป็นการฝึกลูกนอนเองโดยค่อยๆ ปรับเวลานอนของลูกให้เร็วขึ้น

วิธีการ:

  1. ปรับเวลานอนของลูกให้เร็วขึ้น 15 นาทีต่อสัปดาห์
  2. วางลูกนอนในเปลหรือเตียง
  3. บอกราตรีสวัสดิ์ ปิดไฟ และออกจากห้อง
  4. หากลูกตื่นกลางดึก ให้ปลอบโดยไม่ต้องเปิดไฟ
  5. ทำซ้ำขั้นตอน 2-4 จนกระทั่ง ลูกหลับ

ข้อดี:

  • เป็นวิธีที่ค่อยเป็นค่อยไป
  • ช่วยให้ลูกนอนหลับเองได้
  • ช่วยให้พ่อแม่มีเวลาพักผ่อนมากขึ้น

ข้อเสีย:

  • อาจใช้เวลานาน
  • ลูกอาจง่วงนอนตอนกลางวัน

เทคนิคอื่นๆ เพิ่มเติม

  • สร้างกิจวัตรก่อนนอนที่ผ่อนคลาย เช่น อาบน้ำ อ่านหนังสือ ฟังเพลง
  • ให้ลูกกินนมก่อนนอน
  • ปรับอุณหภูมิห้องให้นอนหลับสบาย
  • ปิดไฟและเครื่องใช้ไฟฟ้า
  • สวมเสื้อผ้าที่สบาย
  • ใช้ผ้าห่มที่เหมาะสม
  • ฝึกลูกนอนเองในช่วงที่ลูกอารมณ์ดี

ข้อควรระวัง

  • ไม่ควรฝึกลูกนอนเองเมื่อลูกไม่สบาย
  • ไม่ควรตะโกนหรือลงโทษลูก
  • ไม่ควรปล่อยให้ลูกร้องไห้นานเกินไป

อาหารที่ช่วยทำให้ลูกนอนหลับได้เร็วขึ้น

อาหารบางชนิดมีสารอาหารที่ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายและส่งเสริมการนอนหลับ

  • นม: นมเป็นแหล่งของกรดอะมิโนทริปโตเฟน (tryptophan) ที่ช่วยให้ร่างกายผลิตเซโรโทนิน (serotonin) และเมลาโทนิน (melatonin) ซึ่งช่วยให้นอนหลับ
  • กล้วย: มีโพแทสเซียมและแมกนีเซียมที่ช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย และมีกรดอะมิโนทริปโตเฟน (tryptophan) 
  • ข้าวโอ๊ต: มีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่ช่วยให้ร่างกายรู้สึกอิ่มและผ่อนคลาย และมีเมลาโทนิน (melatonin) ที่ช่วยให้นอนหลับ
  • อัลมอนด์: มีแมกนีเซียมที่ช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย และมีกรดอะมิโนทริปโตเฟน (tryptophan) 
  • ปลาแซลมอน: ปลาแซลมอนมีกรดไขมันโอเมก้า-3 ที่ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย และมีกรดอะมิโนทริปโตเฟน (tryptophan) 
  • เชอร์รี่: มีเมลาโทนิน (melatonin) ที่ช่วยให้นอนหลับ
  • ข้าวกล้อง: มีแมกนีเซียม ช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายและลดความเครียด มีวิตามินบี 6 ช่วยให้ร่างกายผลิตเมลาโทนิน (melatonin) ฮอร์โมนที่ช่วยให้นอนหลับ และใยอาหาร ช่วยให้อิ่มนานและช่วยให้นอนหลับสบาย
  • มันเทศ: มีโพแทสเซียม ช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย
  • งา: มีแคลเซียม: ช่วยให้ระบบประสาททำงานได้ดี และทริปโตเฟน (tryptophan) 
  • สาหร่ายทะเล: มีกรดไขมันโอเมก้า-3 ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลายและลดความเครียด และมีไอโอดีน ช่วยให้ระบบประสาททำงานได้ดี

การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเจริญเติบโตและพัฒนาการของลูก การให้อาหารที่ช่วยให้นอนหลับจะช่วยให้ลูกนอนหลับได้เร็วขึ้นและนอนหลับอย่างสบาย

Ref nhs, babysleep, washingtonpost, nhs, babysleep, washingtonpost

เลือกซื้อของใช้ ของเล่น หมอนและที่นอน ของเจ้าตัวเล็กได้ตามช่องทางด้านล่างเลยค่ะ

Share this post

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *