หมอนเด็ก ที่นอนเด็ก เลือกยังไงดี
หมอนเด็ก ที่นอนเด็ก เลือกยังไงดี การเลือกหมอนและที่นอนของเด็กทารกแรกเกิด ไม่เหมือนการเลือกหมอนและที่นอนสำหรับผู้ใหญ่ เพราะปัจจัยหลักในการพิจารณานั้นมีปัจจัยในเรื่องของความปลอดภัยและเหมาะสมตามวัย สำหรับทารกแรกเกิดการนอนถือเป็นสิ่งสำคัญ เนื่องจากทารกแรกเกิด ใช้เวลาในการนอนต่อวัน เยอะกว่าผู้ใหญ่และเด็กโต โดยเฉพาะอย่างยิ่งทารกแรกเกิดนั้นไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ การเลือกสิ่งต่างๆ จึงต้องพิจารณาในเรื่องของความปลอดภัยเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
หมอนเด็ก ที่นอนเด็ก ก่อนเลือกต้องรู้อะไรบ้าง
1.ป้องกันการไหลตาย
SIDSหรือ Sudden Infant Death Syndrome การไหลตายในเด็กทารก คือการเสียชีวิตเฉียบพลันที่เกิดขึ้นขณะนอนหลับ ปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่อาจทำให้ลูกเสียชีวิตขณ ะนอนหลับ หรือเพิ่มความเสี่ยงในการเสียชีวิต ได้แก่
- ให้ลูกนอนหลับในท่านอนคว่ำ เพราะกลัวว่านอนหงายแล้วลูกจะหัวแบน
- ให้ลูกนอนบนที่นอนที่ไม่เหมาะสม เช่น ที่นอนหรือโซฟาทั่วไปที่นิ่มเกินไป
- อากาศในห้องที่ไม่ระบายหรือร้อนเกินไป
- นอนบนที่นอนหรือโซฟาที่ผ้าปูปูไม่ตึง มีโอกาสที่เข้าไปอุดปากและจมูกของลูกขณะนอนหลับ
- การนอนกับสิ่งอื่น เช่น ตุ๊กตา สัตว์เลี้ยง ญาติพี่น้องพ่อแม่
- เด็กที่ได้รับควันบุหรี่ตั้งแต่อยู่ในครรภ์
วิธีป้องกันไม่ให้ลูกเสียชีวิตจากการไหลตาย
- ให้ลูกนอนหลับในท่านอนหงายทุกครั้ง
- ควบคุมอุณหภูมิให้ไม่สูงเกินไป แต่ไม่ควรเปิดพัดลมจ่อ
- ที่นอนไม่ควรนิ่มเกินไป และผ้าปูควรจะต้องปูตึงทุกครั้ง
- ไม่ควรมีสิ่งใดอยู่บนที่นอนของลูก
2.ป้องกันหัวแบน ทำให้หัวทุยสวย
หัวแบน เป็นยังไง
ภาวะหัวแบน Flat Head Syndrome หรือ Plagiocephaly คือภาวะที่หัวของลูกแบนในบริเวณใดบริเวณหนึ่ง หรือหลายบริเวณ เช่นเด็กที่นอนหงายสม่ำเสมอก็จะมีลักษณะหัวที่แบนจากข้างหลัง เด็กที่ชอบนอนตะแคงด้านใดด้านหนึ่งอาจจะมองเห็นว่าหัวเบี้ยวไม่แบนราบ
แม้อาการหัวแบนหรือศีรษะผิดรูปของทารก จะเป็นปัญหาด้านรูปลักษณ์มากกว่า เนื่องจากอาการนี้จะไม่ส่งผลต่อพัฒนาการด้านร่างกายและสมอง และเมื่อเด็กๆ เริ่มหันหัวเองได้ พลิกท่าเองได้ อาการหัวแบนอาจดีขึ้นเอง แต่แพทย์แนะนำให้รีบพาลูกมาตรวจทันที หากคุณพ่อคุณแม่สังเกตลักษณะศีรษะของทารกแล้วพบสิ่งผิดปกติอย่างเช่น มีจุดใดจุดหนึ่งที่แบนลงไป ด้านข้างของศีรษะที่ดูเอียง ตาและหูไม่อยู่ในแนวตรง ไม่มีจุดที่นิ่มลงไป (จุดที่กะโหลกยังไม่ปิดสนิท) หรือมีจุดที่แข็งบนศีรษะ
หัวแบน เพราะอะไร
ปัจจัยหลักที่ทำให้เด็กมีลักษณะศีรษะที่แบน คือตำแหน่งการนอน โดยเฉพาะในช่วงแรกเกิด – 4 เดือน เนื่องจากการนอนหลับในท่าเดิมทุกวัน อย่างการนอนหงาย หรือนอนตะแคงซ้ายหรือขวาเป็นประจำ จะเป็นการสร้างแรงกดต่อบริเวณเดิมๆ ของกะโหลกศีรษะอย่างสม่ำเสมอ เด็กทารกที่คลอดธรรมชาติเองได้อาจจะเพิ่งเริ่มมีอาการหัวแบนให้เห็นจากการนอน แต่สำหรับเด็กทารกที่คลอดยาก จนต้องใช้เครื่องดูด อาจจะมีอาการหัวผิดรูปจากการคลาดได้ แต่อาการนั้นจะดีขึ้นตามระยะเวลา
ลูกหัวแบน นอนยังไงดี
- การจับลูกนอนคว่ำ ควรทำเมื่อลูกคอแข็ง สามารถพลิกคว่ำพลิกหงายเองได้แล้ว เนื่องจากการนอนคว่ำก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุการเสียชีวิตเฉียบพลัน
- นอนหมอนหลุม หรือ ไม่ให้นอนหนุนหมอน ไม่ว่าจะเป็นหมอนหลุมหรือไม่หนุนหมอนก็ตาม สาเหตุหลักของหัวแบน คือการกดทับ ควรใช้ที่นอนหรือหมอนที่ช่วยลดการกดทับจากการนอน
อยากให้ลูกหัวทุย ต้องทำยังไง
- จับนอนคว่ำ ในช่วงเวลาที่ลูกตื่น อาจจะเป็นก่อนการเข้าเต้าหรือป้อนนม เพื่อให้กล้ามเนื้อคอแข็งขึ้น ฝึกในการดันแขนทั้งสองข้างขึ้น ซึ่งเป็นการพัฒนากล้ามเนื้อที่จำเป็นต่อการคลาน และลุกนั่ง
- เลือกหมอนและที่นอน สำหรับเด็กทารกโดยเฉพาะ มีงานวิจัยจากมหาวิทยาลัยดับลินที่รับรองว่า หมอนและที่นอนที่ทำจากวัสดุ Clevafoam สามารถป้องกันหัวแบนได้ เนื่องจากเป็นวัสดุที่ลดแรงกดทับระหว่างที่นอนได้ถึง 50% อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ClevaFoam® จาก Clevamama
3.ป้องกันภูมิแพ้ ป้องกันหอบหืด ป้องกันไรฝุ่น
เนื่องจากเด็กทารกในช่วงแรก ใช้เวลาอยู่บนที่นอนมากกว่าสถานที่อื่นๆ และร่างกายของเด็กแรกเกิดนั้นบอบบางและไวต่อสิ่งกระตุ้นภูมิแพ้ได้เร็ว จึงไม่แปลกที่ในเด็กทารกบางคน คุณพ่อคุณแม่อาจจะสังเกตได้ว่าตามผิวหนังมีผื่นแดงขึ้น หรือในบางคนอาจจะมีการบวมภายในโพรงจมูก ซึ่งอาการเหล่านี้มักจะเป็นเรื้อรังและส่งผลต่อพัฒนาการโดยรวม
โดยเฉพาะในเด็กที่มีอาการบวมจากการสูดสารก่อภูมิแพ้เข้าไป เพราะอาการบวมในโพรงจมูกนั้นอาจจะทำให้เด็กมีอาการกรนเสียงดังตอนที่นอนหลับ และเพราะอาการบวมนี้เอง จึงทำให้นอนหลับได้ไม่สนิท เพราะช่องทางหายใจถูกปิดกั้น หายใจเอาออกซิเจนเข้าไปได้ไม่เต็มปอด เป็นที่มาของการนอนหลับแบบไม่มีคุณภาพ
ลูกเป็นภูมิแพ้ อันตรายแค่ไหน
หากลูกถึงวัยที่สามารถตรวจภูมิแพ้โดยการเจาะเลือด หรือสามารถรับการทดสอบทางผิวหนัง (Skin Test) Patch Test ได้แล้ว ควรพาลูกไปตรวจดูว่ามีสิ่งไหนที่ลูกแพ้บ้าง และแพ้มากน้อยแค่ไหน เนื่องจากการแพ้ที่ร้ายแรงอาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของร่างกายได้พร้อมกัน ตัวอย่างเช่น หายใจได้ยากมากขึ้นหรือหายใจไม่ออก อาจมีอาการตามนี้ได้
- มีผื่นแดงขึ้นตามใบหน้าและตัว อาจคันหรือไม่คันก็ได้
- อาเจียน ท้องเสีย
- ลิ้นบวม คอบวม ปากบวม
- หัวใจเต้นเร็ว
ลูกแพ้อะไรได้บ้าง
- ภูมิแพ้อากาศ แพ้ละออง จะเกิดขึ้นเมื่อเจออากาศที่เปลี่ยนแปลงเฉียบพลัน ซึ่งอาจะเรื้อรังจนมีอาการแทรกซ้อนอย่างไซนัสอักเสบได้ อาการที่พบเจอได้ เช่น ตาม คันตาคันจมูก น้ำมูกไหล มีเสมหะ
- ภูมิแพ้ขนสัตว์ ซึ่งจริงๆ ไม่ใช่การแพ้จากขนสัตว์โดยตรง แต่เป็นการแก้โปรตีนในน้ำลายของสัตว์ สัตว์ส่วนใหญ่ที่ลูกจะแพ้คือสุนัขและแมว โดยมีอาการคล้ายกับแพ้อากาศ การแพ้ขนสัตว์นั้นไม่จำเป็นต้องหาบ้านใหม่ให้น้องๆ เพียงแค่แบ่งพื้นที่ระหว่างลูกกับสัตว์ออกจากกัน อาบน้ำให้สัตว์เลี้ยงเป็นประจำ และรักษาความสะอาด
- ภูมิแพ้อาหาร แม้เด็กทารกจะยังไม่ได้รับประทานอาหาร แต่อาหารที่แม่กินเข้าไปบางอย่างก็ส่งผลต่อลูกเช่นกัน อย่าง ไข่ ปลา นม ถั่ว แป้ง อาหารทะเล ผักและผลไม้ ดังนั้นหากสงสัยว่าลูกจะแพ้อะไร ควรงดอาหารชนิดนั้นไปก่อนแล้วสังเกตอาการว่าอาการแพ้ของลูกดีขึ้นหรือไม่ ส่วนใหญ่ภูมิแพ้อาหารมักจะหายไปเองเมื่อเด็กโตขึ้น
ลูกเป็นภูมิแพ้ ทำยังไงดี
อาการภูมิแพ้บางอย่างไม่จำเป็นต้องพึ่งพายาภูมิแพ้ แค่เพียงกำจัดที่ต้นตอของสาเหตุอาการแพ้เท่านั้น เครื่องนอนอย่างหมอนและที่นอน ของ Clevamama ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการจากสถาบันทดสอบผลิตภัณฑ์ภูมิแพ้ Allergy Standard Ltd. (ASL) สหรัฐอเมริกา ว่าสามารถใช้ได้ในเด็กที่เป็นภูมิแพ้และหอบหืด และยังมีคุณสมบัติในการป้องกันไรฝุ่นได้อีกด้วย
-
ClevaFoam® Baby Pillow หมอนป้องกันศีรษะแบน
-
Clevafoam Toddler Pillow หมอนเด็กเล็ก
-
ClevaFoam® Baby Pillow Case – Blue ปลอกหมอน Baby ลายก้อนเมฆสีฟ้า
-
ClevaFoam® Toddler Pillow Case – Blue ปลอกหมอน Toddler ลายก้อนเมฆสีฟ้า
ลูกเป็นภูมิแพ้ หอบหืด แพ้ไรฝุ่น แก้ยังไง
- ซักผ้าปูที่นอนอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง จะช่วยกำจัดไรฝุ่นและอุจจาระของมัน และสารก่อภูมิแพ้อื่นๆ ที่ติดอยู่บนผ้าปูที่นอนได้
- ใช้น้ำยาซักผ้าที่อ่อนโยนต่อเด็กทารก งดใช้น้ำยาซักผ้าที่ใส่น้ำหอม น้ำยาปรับผ้านุ่ม และน้ำหอมฉีดผ้า
- ใช้เครื่องฟอกอากาศและเครื่องเพิ่มความชื้น ช่วยให้อากาศสะอาด ปราศจากฝุ่น ละอองเกสร ขนสัตว์ และไม่แห้งเกินไป
- ดูดฝุ่นบ่อยๆ หลีกเลี่ยงการกวาดฝุ่น เนื่องจากอาจทำให้ฝุ่นฝุ้งขึ้นไปเกาะตามจุดต่างๆ ที่ยากต่อการกำจัดได้ หากเป็นไปได้ควรดูดฝุ่นอย่างต่ำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้งเป็นอย่างน้อย
- เปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ เพื่อไม่ให้ฝุ่นเกาะ เช่น เปลี่ยนจากเบาะผ้าเป็นเบาะหนัง เปลี่ยนจากผ้าม่านหนาๆ เป็นม่านที่ซักได้ง่ายขึ้น หรือเปลี่ยนเป็นผ้าม่านแบบอื่น หลีกเลี่ยงของเล่นที่สะสมฝุ่น แม้การเปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ชิ้นใหญ่จะดูยุ่งยากไปบ้าง แต่อย่างน้อยที่สุดคือไม่เอาไปไว้ในห้องนอนลูก
Ref: westerncape, healthline,
เลือกซื้อของใช้ ของเล่น หมอนและที่นอน ของเจ้าตัวเล็กได้ตามช่องทางด้านล่างเลยค่ะ